นายธนิต โสรัตน์ เลขาธิการ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
เปิดเผยว่า ขณะนี้ ส.อ.ท.
อยู่ระหว่างการระดมความคิดเห็นผู้ประกอบการทั่วประเทศเกี่ยวกับนโยบายการลง
ทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล
เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนในหลายประเด็น
โดยเฉพาะรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดโซนนิ่งระหว่างพื้นที่ชุมชนกับโรงงานอุตสากรรมที่อยู่ใกล้กับเส้นทางรถไฟทางคู่
เพราะในอนาคตเกรงว่าจะมีแย่งพื้นที่ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและก่อสร้าง
โรงงานตลอดแนวของเส้นทางรถไฟเพื่อความสะดวกในการสัญจร
ขณะเดียวกันผู้ประกอบกการต้องการให้ทำรายละเอียดของจุดเชื่อมโยงระหว่างเส้น ทางรถไฟทางคู่รวมถึงรถไฟฟ้ารถไฟความเร็วสูง กับพื้นที่ภาคอุตสาหกรรม และท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการส่งขนสินค้าหรือการเดินทางในการทำธุรกิจ
เป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลมีนโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพราะจะเกิด ประโยชน์กับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการ ซึ่งตอนนี้ ส.อ.ท.ร่วมกับ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) และ วุฒิสภา การระดมความเห็นผู้ประกอบการทุกภูมภาค โดยได้เริ่มในภาคตะวันออกแล้ว จากนั้นจะทะยอยไปจัดสัมมนาภาคอื่นๆต่อไป และจะสิ้นที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 24 มิ.ย. 56 ก่อนที่จะเสนอความคิดเห็นทั้งหมดเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาต่อไป
สำหรับความคิดเห็นเบื้องต้นของผู้ประกอบการภาคตะวันออกนั้นส่วนใหญ่ต้อง การให้แก้ปัญหาจราจรบริเวณท่าเรือแหลมฉบับในช่วงที่รัฐบาลดำเนินก่อสร้างถนน หรือรางรถไฟในช่วง 7 ปี เพราะปัจจุบันก็มีจราจรหนาแน่นและติดขัดมากหากไม่มีการเตรียมความพร้อมแก้ ปัญหาล่วงหน้าจะยิ่งทำให้การจราจรติดขัดมากขึ้นระหว่างการก่อสร้าง และอาจมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการไม่สามารถส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ตามกำหนดได้
ขณะเดียวกันก็ต้องการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เข้าไปจัดโซนนิ่งและการให้สิทธิประโยชน์พิเศษทางภาษีในพื้นที่ต่างๆ เพื่อจูงใจให้นักลงทุนเข้าไปตั้งโรงงานในพื้นที่เชื่อมโยงกับเส้นทางรถไฟทางคู่
ที่มา : เดลินิวส์