สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจฯเตรียมเสนอ ครม. 11 มาตรการฝ่าวิกฤต EU หวั่นกระทบส่งออกไทย Share


สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจฯเตรียมเสนอ ครม. 11 มาตรการฝ่าวิกฤต EU หวั่นกระทบส่งออกไทย

updated: 19 ก.ค. 2555 เวลา 19:30:22 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

นายสมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวในงานสัมมนา “ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ EU ผลกระทบภาคส่งออกของไทย" ว่าวิกฤต EU ทุกวันนี้มาจากการขาดเอกภาพของยูโรโซน ทั้งทางด้านความแตกต่างทางโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก ความหลากหลายทางการเมือง ความแตกต่างทางสังคมและวัฒนธรรมระหว่างยุโรปเหนือ ยุโรปตะวันตก และยุโรปใต้เอง ซึ่งปัญหาดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรง ทั้งผลกระทบด้านการแกว่งไกวของตลาดเงินและตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ด้านการนำเข้าส่งออก และด้านการท่องเที่ยว รวมถึงผลกระทบทางอ้อม ถ้าหากประเทศในแถบเอเชีย อย่างเช่น อินเดีย จีน อินโดนีเซีย เป็นต้น ได้รับผลกระทบจากวิกฤต EU ก็อาจทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบตามไปด้วย

 

ด้านนายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวถึงข้อเสนอแนะและมาตรการเบื้องต้นสำหรับผลกระทบภาคส่งออกต่อวิกฤตเศรษฐกิจสหภาพยุโรปถดถอย จากการระดมความคิดเห็นของผู้ส่งออกและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง 11 มาตรการ พร้อมเตรียมผลักดันเป็นความเห็นเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ได้แก่

 

1. ปัญหาเฉพาะหน้าดูแลสภาพคล่องของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะ SMEs โดยให้ธนาคารของรัฐเข้ามาปล่อยสินเชื่อแบบผ่อนปรน

 

2. ดูแลเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้ผันผวนและสนับสนุนให้ใช้เงินสกุลต่างประเทศในการชำระค่าระวางเรือ (Freight) และร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทยในการรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 3.0 หรือต่ำกว่านี้ไปจนถึงสิ้นปี

 

3. ปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้า-ส่งออก แก้ไข ปรับปรุงกฎเกณฑ์ ข้อบังคับในการลดขั้นตอน เพื่อให้การนำเข้า-ส่งออกมีความสะดวก รวดเร็ว

 

4. ขอให้กรมสรรพากรพิจารณาในการคืนภาษีให้รวดเร็ว โดยเฉพาะการข้อคืนภาษีหัก ณ ที่จ่าย

 

5. ส่งเสริมการส่งออกกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งให้มีระบบสินเชื่อให้กับคู่ค้า เพื่อให้ปริมาณและมูลค่าการส่งออก รวมทั้งสนับสนุนและแก้ไขอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกให้สินค้าเข้า-ออกชายแดน

 

6. การส่งเสริมการส่งออกทดแทนตลาดหลัก ให้รัฐบาลมีการทำเป็นแบบบูรณาการและต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสนับสนุนให้มีการจัดโครงการส่งเสริมสินค้าไทย โดยให้ SMEs และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ด้อยโอกาสสามารถเข้าร่วมได้โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด

 

7.ส่งเสริมให้มีการจัดหาวัตถุดิบซึ่งขาดแคลนเพื่อผลิตและส่งออกในปริมาณที่เพียงพอและมีแหล่งให้เลือกในการแข่งขันด้านราคา

 

8. รัฐบาลควรเร่งเจรจาเพื่อขอคืน GRP กลับคืนมา เนื่องจากสินค้าไทยหลายรายการถูกประเทศคู่ค้าตัดสิทธิประโยชน์ทางภาษีนำเข้า ส่งผลให้สินค้าไทยมีราคานำเข้าสูงกว่าประเทศคู่แข่ง

 

9. ให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน
 
10. ส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศให้มีความชัดเจน
 

11. รัฐบาลควรมีการกำหนดเป้าหมายการส่งออกให้สอดคล้องกับความเป็นจริง โดยเป้าหมายการส่งออกสามารถปรับเปลี่ยนได้ หากมีปัจจัยภายนอกหรือภายในเข้ามากระทบ

 

ที่มา : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1342699481&grpid=03&catid=00&subcatid=0000



อ่าน : 1819 ครั้ง
วันที่ : 20/07/2012

Contact : V-SERVE GROUP 709/54-55 ถ.สุขุมวิท 77 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง  กทม. 10250 โทรศัพท์. 0 2332 3940-9 โทรสาร. 0 2332 0754
E-mail: tanit@v-servegroup.com