บีโอไอยิ้มร่า โชว์ตัวเลขขอส่งเสริมเดือนพฤษภาคมทะลุ 8.2 หมื่นล้าน สูงสุดในรอบ 5 เดือน แถม 5 เดือนแรกปีนี้โตกว่า 87% ชี้ปัญหาการเมืองแบ่งสีไม่ระคาย แถมนักลงทุนเริ่มคลายวิตกปัญหาน้ำท่วม ชี้ระยองเนื้อหอมสุด
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงตัวเลขโครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุนประจำเดือนพฤษภาคม 2555 ว่า อยู่ที่ 200 โครงการ มูลค่า 82,500 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบ 5 เดือนทั้งจำนวนโครงการและวงเงินลงทุน
สำหรับสถิติการขอส่งเสริมการลงทุนช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-พฤษภาคม2555) อยู่ที่ 817 โครงการ เพิ่มขึ้น 20.9% ขณะที่มูลค่าการลงทุนช่วง 5 เดือนอยู่ที่ 374,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87.5%
แม้จะมีปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง จนหลายฝ่ายโดยเฉพาะภาคเอกชนเป็นห่วงว่าจะส่งผลต่อการลงทุนของประเทศ นอกจากนี้ ช่วง 5 เดือนพบว่าวงเงินลงทุนยังเติบโตเกือบ 100% ทำให้ยอดขอส่งเสริมอยู่ที่ 374,900 ล้านบาท เข้าใกล้เป้าหมายทั้งปีคือ 600,000 ล้านบาทแล้ว แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ตัวเลขโครงการและตัวเลขวงเงินลงทุนเติบโตมาจากเดือนเมษายน มีผู้ขอส่งเสริมการลงทุนน้อยเนื่องจากมีวันหยุดเยอะ โดยโครงการอยู่ที่ 160 โครงการ มูลค่าลงทุน 65,400 ล้านบาท น้อยกว่าเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 2555 ดังนั้น เอกชนจึงทยอยลงทุนในเดือนพฤษภาคมแทน อีกทั้งเดือนพฤษภาคมยังมีโครงการขนาดใหญ่ที่วงเงินสูงรวมอยู่ด้วย รวมถึงปัจจัยการฟื้นตัวของโรงงานจากปัญหาน้ำท่วมประกอบกับความชัดเจนด้านนโยบายด้านความช่วยเหลือนักลงทุนที่ประสบภัย ทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจ
แหล่งข่าวกล่าวว่า เดือนพฤษภาคมมีอุตสาหกรรมที่ลงทุนเป็นอันดับที่ 1 คือ เคมี กระดาษ และพลาสติก 109 โครงการวงเงิน 105,500 ล้านบาท อันดับสอง คือ บริการและสาธารณูปโภค 207 โครงการ วงเงิน 87,400 ล้านบาท และอันดับสาม ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง 190 โครงการ มูลค่า 64,000 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าลงทุนพบว่าโครงการที่ลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท มีมากถึง 69 โครงการ คิดเป็นเงินลงทุนถึง 250,000 ล้านบาท
พื้นที่ลงทุนของไทยที่เนื้อหอมที่สุดในเวลานี้คือ เขต 2 โครงการลงทุน 380 โครงการ มูลค่าลงทุน 235,600 ล้านบาท โดยเขตนี้จังหวัดที่ขอลงทุนมากที่สุด คือ ระยอง 104 โครงการ มูลค่าลงทุน 115,500 ล้านบาท นอกจากนี้มีจังหวัดอื่นๆ อาทิ ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม ราชบุรี
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เห็นตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนแล้ว ถือเป็นข่าวดีเพราะทำให้การลงทุนไทยได้ประโยชน์ เช่น แรงงาน การขยายตัวทางเศรษฐกิจ คาดว่าตัวเลขที่ขยายตัวมาก มาจากความต้องการลงทุนที่อั้นมาตั้งแต่เกิดน้ำท่วม ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติต้องการใช้ไทยเป็นฐานการลงทุนเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2558 ด้วย ส่วนปัญหาการเมืองและผลงานการแก้ปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาลอาจเป็นปัจจัยรอง เพราะส่วนใหญ่นักลงทุนที่เลือกไทยเป็นนักลงทุนรายใหญ่ โครงการลงทุนระดับหมื่นล้านบาท เป็นบริษัทแม่จึงมีแผนบริหารความเสี่ยงที่ดีอยู่แล้ว
บีโอไอไม่ควรดีใจกับตัวเลขลงทุน เพราะเป็นเพียงการยื่นขอส่งเสริมการลงทุน ตรงกันข้ามบีโอไอควรพิจารณาหลักเกณฑ์ว่าบริษัทที่ลงทุนใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในไทยตามหลักเกณฑ์หรือไม่ เพราะอาจผ่อนผันไปช่วงน้ำท่วม และบีโอไอควรดูตัวเลขขอส่งเสริมของนักลงทุนไทย และธุรกิจที่สร้างประโยชน์กับไทยมากกว่าธุรกิจที่หวังเพียงให้ไทยเป็นฐานผลิตและขนกำไรกลับไปยังบริษัทแม่ นายธนิตกล่าว
ที่มา :http://www.sebringsystems.com