ส.อ.ท.เสนอรัฐปรับโครงสร้างประเทศก่อนรีแบรนด์ ยกระดับการท่องเที่ยว การลงทุนและสินค้าไทย แนะสร้างความปรองดอง ลดขัดแย้งทางการเมือง ย้ำการรีแบรนด์ไม่ใช่แค่การโฆษณา ควรดึงทุกภาคส่วนของสังคมเข้าร่วม นักโฆษณาจี้แก้ปัญหา ขัดแย้ง-คอร์รัปชัน ก่อนใช้งบรีแบรนด์ประเทศ แนะยกเครื่องการสร้างแบรนด์ แบบบูรณาการสื่อสารทุกหน่วยงาน ชูจุดเด่นทรัพยากร-บุคลากรความสามารถสูง นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนเห็นด้วยกับการรีแบรนด์ประเทศไทย แต่ต้องกำหนดประเด็นให้ชัดเจน ต้องมีแผนปรับปรุงส่วนต่างๆ ของประเทศ การรีแบรนด์ไม่ใช่การโฆษณาอย่างเดียว ถ้าไม่ปรับปรุงโครงสร้างภายในประเทศจะทำให้มีผลระยะสั้น รัฐบาลจะเสียงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ ขณะนี้รัฐบาลเริ่มมีแผนลงทุนเพื่อรองรับการบริหารจัดการน้ำแล้ว 3.5 แสนล้านบาท แต่ต้องปรับส่วนอื่นๆ ทั้งประเทศจึงจะทำให้ต่างชาติเชื่อมั่นแบรนด์ใหม่
แนะรีแบรนด์ควรมอง 4 ด้าน
การปรับโครงสร้างเพื่อรีแบรนด์ประเทศควรมอง 4 ด้าน คือ 1.ด้านการท่องเที่ยวต้องฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวที่เสื่อมโทรม ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวเพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ 2.การลงทุนต้องปรับสิทธิประโยชน์ให้จูงใจกำหนดแนวทางส่งเสริมให้ชัดเจน กำหนดประเภทกิจการที่จะส่งเสริมให้ชัด และส่งเสริมการลงทุนกิจการที่จะทำให้อุตสาหกรรมไทยพัฒนาอย่างยั่งยืน 3.ส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าไทย ตราสัญลักษณ์ไทยแลนด์แบรนด์ของกระทรวงพาณิชย์ ควรส่งเสริมให้เป็นที่รู้จัก รู้กันเฉพาะผู้ให้กับผู้รับตราไทยแลนด์แบรนด์ก็ไร้ประโยชน์ อาจต้องแบ่งระดับตราไทยแลนด์แบรนด์เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการพัฒนาสินค้าให้ดีขึ้น กำหนดให้ตรวจสอบคุณภาพทุกๆ 2 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการรักษามาตรฐานไว้
4.การสร้างความปรองดองและความสงบในประเทศ ที่ผ่านมาไทยมีภาพลักษณ์การเมืองที่ขัดแย้ง มีการชุมนุมที่รุนแรง เช่น การเผาอาคารในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด การวางระเบิดทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดชายแดนใต้ ถ้าไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ก็เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อแบรนด์ประเทศไทย ความขัดแย้งในประเทศต้องปรองดองที่แท้จริง เหมือนพม่าสร้างความปรองดองระหว่างกลุ่มต่างๆ ทำให้ต่างชาติเชื่อมั่นพม่ามากขึ้น
นายธนิต กล่าวว่า ในเอเชียมีหลายประเทศที่พัฒนาแบรนด์ประเทศให้เป็นที่รู้จัก อย่างมาเลเซียสร้างภาพลักษณ์ให้ต่างชาติเห็นทั้งการท่องเที่ยวและการลงทุน โดยส่งเสริมภาพลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อให้แข่งขันกับประเทศอื่นในเอเชียได้ เช่น แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล รวมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์การเป็นแหล่งรองรับการลงทุนสินค้าที่มีเทคโนโลยี ต้องการเป็นฐานการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญของโลกและสร้างแบรนด์รถยนต์ของมาเลเซียให้ต่างชาติเห็นศักยภาพของประเทศในการเป็นฐานการผลิตสินค้าเทคโนโลยี
เตือนรัฐไม่ใช่แค่การโฆษณา นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า การรีแบรนด์ประเทศเป็นเรื่องใหญ่ ต้องร่วมแรงร่วมใจทั้งประเทศ เมื่อมีแผนงานออกมาแล้วส่วนสำคัญอยู่ที่การทำให้ต่างชาติเชื่อ การรีแบรนด์ไม่ใช่การโฆษณาแต่เป็นการพัฒนาหรือแก้ปัญหาให้ดีขึ้น รัฐบาลต้องกำหนดแผนแม่บทด้านต่างๆ ที่จะยกระดับให้ดีขึ้น ดำเนินการให้เห็นผลก่อนจะประชาสัมพันธ์ออกไป ส่วนเอกชนจะเริ่มตั้งแต่การปรับโครงสร้างภายในองค์กร เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การยกระดับผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น การผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การสร้างนวัตกรรมใหม่
ก่อนจะกำหนดแผนแม่บทต้องรู้ว่าภาพลักษณ์ประเทศไทยที่ไม่ดีในสายตาต่างชาติอยู่ที่ไหน ที่ผ่านมาต่างชาติมองเห็นปัญหาการเมืองขัดแย้งกัน ความไม่สงบในประเทศ การคอร์รัปชัน การก่อการร้ายและการเป็นแหล่งฟอกเงิน ซึ่งภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการกล่าวหาของต่างชาติ แต่เป็นปัญหาที่เกิดจากโครงสร้างภายในที่มีปัญหาจริง การรีแบรนด์ต้องเริ่มจากการปรับโครงสร้างส่วนต่างๆ ของสังคมให้ดีขึ้น ถ้าแก้ปัญหาให้ความขัดแย้งทางการเมืองลดลง เกิดความปรองดองจะทำให้ภาพลักษณ์ประเทศดีขึ้นเอง การรีแบรนด์ประเทศเป็นเรื่องระยะยาว ต้องใช้เวลาเปลี่ยนความเชื่อของคน
นักโฆษณาจี้ลดขัดแย้ง-คอร์รัปชัน นายพจน์ ใจชาญสุขกิจ นายกสมาคมประชาสัมพันธ์ไทย กล่าวว่า นโยบายสร้างแบรนด์ประเทศไทยของรัฐบาล จะต้องเริ่มที่การแก้ปัญหาภายในประเทศเป็นลำดับแรก ซึ่งพบว่าเรื่องหลักๆ ที่กระทบต่อความเชื่อมั่นประเทศไทย คือ ความขัดแย้งทางการเมือง ที่ยังพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ในขณะนี้, ภัยก่อการร้ายที่ขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น, การรับมือกับภัยพิบัติต่างๆ อย่างรวดเร็ว และการสร้างความพร้อมในการลงทุนระดับโลก ไม่เฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียนเท่านั้น
รัฐบาลจะต้องรณรงค์แคมเปญการสื่อสาร เรื่องการสร้างความปรองดองในประเทศ เพื่อให้ทุกคนยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นตัวนำ ไม่ใช่ยึดหลักผลประโยชน์ส่วนบุคคล เมื่อคนในประเทศพร้อมที่จะปรองดอง ลดความขัดแย้ง จึงมุ่งสื่อสารกับต่างชาติเพื่อเรียกความเชื่อมั่นประเทศไทยกลับมาอีกครั้ง นายพจน์ กล่าว ทั้งนี้ การกำหนดแผนการสื่อสารผ่านการสร้างแบรนด์ประเทศไทย จะต้องวิจัยและสำรวจทั้งคนไทยและต่างประเทศ ถึงความต้องการต่างๆ จากประเทศไทย เพื่อใช้เป็นข้อมูลกำหนดตำแหน่งการแข่งขัน ให้ประเทศไทยใหม่ จี้รัฐเร่งแก้ขัดแย้ง-คอร์รัปชัน
นายปารเมศร์ รัชไชยบุญ ประธานกิตติมศักดิ์ สมาคมโฆษณาธุรกิจประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากไทย ตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองนับตั้งแต่ปี 2549 ถึงปัจจุบันสถานการณ์การแตกแยกทางความคิด ยังเป็นปัญหาหลัก ส่งผลต่อศักยภาพทางการแข่งขันในด้านต่างๆ ของประเทศ ที่ผ่านมารัฐบาลทุกชุดที่เข้ามาบริหารประเทศนับตั้งแต่ปี 2549 มีความคิดเรื่องการทำแผน รีแบรนด์ ประเทศทั้งสิ้น
นอกจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ฝังรากลึกในสังคม ยังมีปัญหาด้านคอร์รัปชันที่ยังไม่มีท่าทีดีขึ้น ปลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยยังเผชิญปัญหาน้ำท่วมใหญ่ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคอุตสาหกรรมของประเทศ และล่าสุดการปรับขึ้นค่าแรง 40% กำหนดค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาท ทำให้ภาคการผลิตของไทยต้นทุนสูงขึ้น ทั้งหมดล้วนเป็นปัญหาบั่นทอนศักยภาพการแข่งขันประเทศไทยทั้งสิ้น
ดังนั้น ก่อนที่รัฐบาลจะเริ่มนโยบายรีแบรนด์ประเทศไทย ต้องสำรวจแบรนด์ประเทศไทย (Brand Health Check) เป็นลำดับแรกว่า ในสายตาต่างประเทศ ทั้งกลุ่มนักลงทุนและทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้อง มองแบรนด์ประเทศไทยอย่างไร ต้องเปรียบเทียบศักยภาพการแข่งขันของประเทศกับประเทศคู่แข่งทุกด้าน เพื่อหาจุดเด่นของไทยที่จะสร้างภาพลักษณ์ในสายตานักลงทุนต่างชาติ
หลังจากได้ข้อมูลครบทุกด้านแล้ว จึงเริ่มกระบวนการกำหนดตำแหน่ง (Positioning) ประเทศไทยว่าจะส่งเสริมภาพลักษณ์ผ่านการรีแบรนดิ้งไปในทิศทางใด โดยประชาชนในประเทศต้องให้ความร่วมมือด้วย เพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่ จับต้อง ได้จริง ไม่ใช่เพียงการใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์เท่านั้น แนะแก้ ต้นตอปัญหา แทนรีแบรนด์ นายสรณ์ จงศรีจันทร์ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ กลุ่มบริษัท ยังก์แอนด์รูบิแคม แบรนด์ เอเยนซีโฆษณา และนักการตลาด กล่าวว่า การรีแบรนด์ประเทศไทย อาจไม่ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาของประเทศนัก เนื่องจากเป็นการไปแก้ไขที่ปลายน้ำด้วยการใช้เงินจำนวนมหาศาล แต่ควรนำงบดังกล่าวมาแก้ไขที่ต้นตอปัญหา โดยเฉพาะปัจจัยการเมือง ภัยธรรมชาติ ตลอดจนภัยก่อการร้าย รวมทั้งปัญหาเรื่องปากท้องหรือส่งเสริมนโยบายการลงทุนอื่นๆ จะดีกว่า เพราะแบรนด์จะสร้างขึ้นได้ต้องมีสินค้าที่ดี ซึ่งในบริบทนี้ก็คือนโยบายแก้ไขปัญหาฐานรากของประเทศนั่นเอง
แบรนด์จะสร้างขึ้นได้ต้องมีสินค้าที่ดี คือนโยบายแก้ไขปัญหาฐานรากของประเทศ |