|
||||
|
||||
ตลาดหุ้นผวาแบล็กลิสต์ไทยฟอกเงิน แนะรัฐโรดโชว์ต่างประเทศเคลียร์ภาพลักษณ์ Shareนายไพบูลย์ นรินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และนายกสมาคมวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวถึงกรณีที่ไทยถูกขึ้นบัญชีเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่ต้องเฝ้าระวังอันดับ 1 ในการทำธุรกรรมทางการเงินจากคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน (FATF) ซึ่งเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดยกลุ่ม จี7 เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานระหว่างประเทศว่าด้วยการสกัดการฟอกเงินว่า เชื่อว่าจะส่งผลกระทบในระยะยาว เพราะต่างประเทศต้องเพิ่มขั้นตอนการตรวจสอบที่มาของเงินไทยที่ไปลงทุนในประเทศ ทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจของต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงระยะเวลาการนำเงินไปลงทุนที่จะเพิ่มขึ้นด้วย จากเดิมที่เคยใช้เวลา 1 สัปดาห์ อาจเพิ่มขึ้นเป็น 2-3 สัปดาห์ หากรัฐ บาลไม่เร่งผลักดันกฎหมายการฟอกเงิน 2 ฉบับให้แล้วเสร็จก่อนการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทยแน่นอน ส่วนในระยะสั้นทั้งเชื่อว่าจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในไทย เพราะอันดับความน่าเชื่อถือของไทยอยู่ที่ระดับ BBB+ ส่วนคาดการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก เพราะวิกฤตการเงินในยุโรปเริ่มคลี่คลายลงแล้ว เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของประเทศอิตาลีและสเปนลดลงเหลือ 5% อีกทั้งสภาพคล่องของไทยยังอยู่ในระดับดี และได้รับอานิสงส์จากเงินลงทุนที่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นอาเซียน จนตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้น 10% ด้านนายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ สายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่ากรณีดังกล่าวยังไม่ส่งผลกระทบชัดเจนต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะยังมีเม็ดเงินจากทั่วโลกเข้ามาลงทุนในไทยอยู่ และยังมีมูลค่าการซื้อขายในปริมาณมากถึง 40,000 ล้านบาท แต่ยังนิ่งนอนใจไม่ได้ จึงขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการผลักดัน กฎหมายฟอกเงินทั้ง 2 ฉบับให้เร่งดำเนินการด้วย นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า มองว่าเรื่องดังกล่าวกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประเทศไทย โดยเฉพาะในเรื่องการลงทุนในตลาดทุน การโยกย้ายเงินทุน ซึ่งนักลงทุนรายใหม่อาจมีความวิตกกังวลต่อหลักเกณฑ์ที่อาจจะต้องเข้มงวดมากขึ้น หรือวิตกกังวลว่าอาจต้องถูกอายัดเงินที่เข้ามาลงทุนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มองว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่กระทบต่อเศรษฐกิจของไทย เพราะคู่ค้าของไทยรู้จักประเทศไทยเป็นอย่างดีว่าไม่น่ากลัวเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ถูกขึ้นบัญชีดำในหลายๆ ประเทศ ซึ่งประเทศไทยไม่ได้เป็นอย่างที่ FATF มอง นอกจากนี้ ที่ผ่านมาประเทศไทยก็มีกฎหมายในการป้องกันการก่อการร้าย และมีกฎหมายด้านการป้องกันการฟอกเงิน ดังนั้น รัฐบาลไทยจะต้องประกาศและประชาสัมพันธ์อย่างจริงจัง และต้องดำเนินการในทันที เช่น การเปิดแถลงข่าวกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และโรดโชว์ในต่างประเทศว่าไทยไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ถูกกล่าวหา ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาราชการแทนเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวถึงผลกระทบหากประเทศไทยถูกปรับลดไปอยู่ในกลุ่มประเทศที่ถูกขึ้นบัญชีเป็นประเทศที่ต้องถูกเฝ้าระวังในการทำธุรกรรมทางการเงินว่า จะส่งผลกระทบหลายด้าน โดยเฉพาะต่อสถาบันการเงิน ภาคธุรกิจ และภาคประชาชนในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ
"หากเราถูกขึ้นนบัญชีดำก็จะมีผลต่อการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายมากต่อระบบเศรษฐกิจและการลงทุน" พ.ต.อ.สีหนาท กล่าว
ทั้งนี้ การที่ประเทศไทยถูกกดดันให้มีกฎหมายดังกล่าวบังคับใช้ เนื่องจากประเทศไทย เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ จึงผูกพันตามข้อ 7 แห่งกฎบัตรสหประชาชาติ ที่จะต้องปฏิบัติตามมติคณะมนตรีความมั่นคงฯ และ ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะออกมาตรการและดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายในเรื่องนี้อย่างเข้มงวด
แนวทางการแก้ไข ที่จะสามารถพ้นจากการถูกปรับลดไปอยู่ในกลุ่มประเทศที่ถูกขึ้นบัญชีเป็นประเทศที่ต้องเฝ้าระวังในการทำธุรกรรมทางการเงิน คือ การเร่งผลักดันให้รัฐสภาผ่านร่างกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และ กฎหมายว่าด้วยการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายอย่างเร่งด่วน
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 เวลา 09:25 น. ข่าวสดออนไลน์ อ่าน : 1567 ครั้ง วันที่ : 22/02/2012 |
||||
|