วอนรัฐทยอยรีดภาษีน้ำมัน อ้างขึ้นเร็ว ผู้ค้าตกใจโขกราคาสินค้าเพิ่ม Share


เอกชนวอนรัฐบาลทยอยเก็บภาษีสรรพสามิต น้ำมันดีเซล หวั่นขึ้นพรวดเดียว 5.31 บาทต่อลิตร ทำตลาดช็อกผู้ประกอบการรับไม่ไหวพร้อมใจขึ้นราคาสินค้า ชี้ปัจจุบัน ผู้ค้ายังผจญ กับปัจจัยลบหลายด้านทั้งค่าแรง 300 บาท รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยที่ส่อเค้าขาขึ้น ล้วนเป็นตัวซ้ำเติมต้นทุนการผลิตให้สูงขึ้น

ดร.ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า หากรัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรการยกเว้นการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5.31 บาทต่อลิตร ซึ่งจะสิ้นสุดมาตรการวันที่ 31 มกราคม 2555 นี้ ก็จะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้นอีก 7-8 บาทต่อลิตร หรือ แตะระดับ 39 บาทต่อลิตร ก็จะส่งผลกระทบ ต่อต้นทุนราคาสินค้าต้องปรับตัวเพิ่มขึ้น 4-5% จึงต้องการให้รัฐบาลทยอยเก็บภาษีสรรพสามิต ดีเซล หรือต่ออายุมาตรการออกไปก่อน

นอกจากนี้ วันที่ 1 เมษายน 2555 นี้ จะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน นำร่องใน 7 จังหวัด ก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระทบต้นทุนการผลิตสินค้าประมาณ 10% และผู้ประกอบการยังมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่จะ ปรับตัวสูงขึ้น จากการที่รัฐบาลจะผลักดันหนี้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 1.14 ล้านบาท ให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รับผิดชอบ ล้วนแล้วแต่เป็นการซ้ำเติมต้นทุนการผลิตและมีผลต่อราคาสินค้าอย่างแน่นอน

"รัฐบาลควรทยอยเก็บภาษีสรรพสามิต น้ำมันดีเซล เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสปรับตัวด้านต้นทุนการผลิตสินค้า ไม่ใช่กลับมาเก็บตูม คราวเดียว 5 บาทต่อลิตรเลย ผู้ประกอบการก็คงช็อก และราคาขายปลีกดีเซลคงเพิ่มถึงระดับ 39 บาทต่อลิตร ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า 4-5% รวมทั้งการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำก็จะเป็นปัจจัยที่กดดันให้ผู้ประกอบการคงพร้อม ใจกันขึ้นราคาสินค้าแน่นอน แต่ถ้าน้ำมันดีเซลปรับขึ้นแค่ 1-2 บาทต่อลิตร คงไม่มี ผู้ผลิตรายใดปรับขึ้น เพราะส่วนหนึ่งกลไกตลาดก็มีการแข่งขันที่รุนแรงกำลังซื้อผู้บริโภค ก็ยังไม่ดีมากนัก" ดร.ธนิต กล่าว

สำหรับแนวโน้มสินค้าที่อาจปรับราคาขึ้นในช่วงนี้ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง สินค้าอุตสาหกรรมอย่างเหล็กต้นน้ำ สินค้าที่กึ่งผูกขาดและนำเข้าจากต่างประเทศเพราะมีการจ่ายค่าระวางเรือ (เฟส) เพราะเมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกขึ้น ค่าเฟสเหล่านี้ ก็จะปรับขึ้นทันที ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภคแม้จะยังไม่ปรับราคาสินค้าขึ้นตอนนี้ แต่จะต้องจับตาดูอีกครั้ง เมื่อมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 1 เมษายนนี้ เพราะยังมีบางอุตสาหกรรมที่กังวลในเรื่องนี้

"ต้องจับตาดูราคาสินค้าหลังวันที่ 1 เมษายนนี้ ที่จะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ใน 7 จังหวัด เพราะขณะนี้ผู้ประกอบการ หลายส่วนมีความกังวลกันมาก สินค้าบางรายการผลิตไปมีกำไร 5-10% แต่ค่าแรงขึ้นทีมีผลต่อต้นทุนประมาณ 10% ซึ่งโดยปกติหากต้นทุนขึ้นแค่ 7% ผู้ผลิตถ้าไม่ปรับราคาขึ้นก็ตาย แต่พอปรับขึ้นก็เหมือนไปตายเอาดาบหน้า เพราะของแพงผู้บริโภคก็ซื้อน้อยลง แต่ยังไงก็ต้องเลือกปรับขึ้นไปตายเอาดาบหน้าดีกว่าตายเลยในวันนี้" นายธนิต กล่าว

ดร.ธนิตกล่าวอีกว่า จากการปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน ยังกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในการส่งออกไปยังตลาดต่าง ประเทศด้วย เพราะมีแค่ต้นทุนของไทยที่เพิ่ม ขณะที่ประเทศอื่นยังมีต้นทุนเท่าเดิม และสภาพเศรษฐกิจในยุโรปที่ถดถอยยังทำให้ตลาดส่งออกชะลอตัว แทนที่ไทยจะลดราคาไปแข่งขันในตลาดโลกได้ แต่ค่าแรงเพิ่มกลับทำให้ราคาสินค้าส่งออกพุ่งขึ้นทันที


ที่มา: แนวหน้า



อ่าน : 1620 ครั้ง
วันที่ : 26/01/2012

Contact : V-SERVE GROUP 709/54-55 ถ.สุขุมวิท 77 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง  กทม. 10250 โทรศัพท์. 0 2332 3940-9 โทรสาร. 0 2332 0754
E-mail: tanit@v-servegroup.com