|
||||
|
||||
เอกชนเสนอเมกกะโปรค์ให้รัฐบาลใหม่ทำต่อ Shareเอกชนเตรียมรวบรวมข้อมูลโครงการเมกกะโปรเจ็กต์ที่ต้องการให้รัฐบาลใหม่สานต่อ นำเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ส.อ.ท.อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับโครงการขนาดใหญ่ (เมกกะโปรเจ็กต์) ที่รัฐบาลใหม่ควรจะสานต่อ รวมถึงโครงการใหม่ที่ควรจะดำเนินการ เพื่อวางระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ซึ่งจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ เอกชนเห็นว่าการสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานในหลายๆ เรื่องเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องเร่งดำเนินการไม่ว่าจะเป็นระบบรถไฟรางคู่ ที่รัฐบาลควรสานต่อเพื่อลดต้นทุนการขนส่งในภาคอุตสาหกรรม ระบบรถไฟฟ้าที่จะช่วยลดการใช้พลังงาน และความชัดเจนในเรื่องอุตสาหกรรมต้นน้ำที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา อุตสาหกรรมต่อเนื่องเช่น อุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ ปิโตรเคมี ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ต้องการให้เกิดความชัดเจนนายพยุงศักดิ์ กล่าว สำหรับกรณีการหาเสียงของแต่ละพรรคการเมืองที่เน้นเรื่องการขึ้นค่าแรง นั้นต้องการให้รัฐบาลใหม่หารือกับภาคอุตสาหกรรม เพื่อกำหนดกรอบระยะเวลาและอัตราค่าจ้างก่อนดำเนินการและให้เป็นไปตามกระบวน การที่ควรจะผ่านคณะกรรมการไตรภาคี เนื่องจากเอกชนไม่ได้คัดค้านการขึ้นค่าแรงแต่จำเป็นต้องพิจารณาจากหลาย ปัจจัยทั้งภาวะตลาด ต้นทุนการผลิต ราคาสินค้า ค่าแรงแต่ละพื้นที่ ซึ่งจำเป็นจะต้องมองทั้งระบบไม่ใช่มองเพียงปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งเท่านั้น นายธนิต โสรัตน์ รองประธานส.อ.ท.สายงานเศรษฐกิจและโลจิสติกส์ กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลใหม่สานต่อโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่รัฐบาลเก่าได้วางกรอบไว้ แล้ว เช่น โครงสร้างพื้นฐานระบบรถไฟรางคู่มูลค่า 1.5 แสนล้านบาท การขยายสนามบินสุวรรณภูมิ นอกจากนี้ต้องการให้ชัดเจนถึงการใช้ประโยชน์จากสนามบินดอนเมือง รวมถึงความชัดเจนเกี่ยวกับพื้นที่การลงทุนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในอนาคต การนำเสนอเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ขอให้คำนึงถึงฐานะการคลังและสำคัญคือประโยชน์โดยรวมของประเทศที่จะได้รับ ซึ่งเอกชนต้องการเห็นเมกะโปรเจกต์ที่จะช่วยลดต้นทุนขนส่งทั้งภาคอุตสาหกรรม และภาคประชาชน ดังนั้นหวังว่ารัฐบาลใหม่มาจะมาสานต่อคณะกรรมการโลจิสติกส์แห่งชาติ ซึ่งวางยุทธศาสตร์โลจิสติกส์ก่อนหน้านี้และจะต้องจัดทำใหม่ในปี 2554 นายธนิต กล่าว นอกจากนี้ควรจะกำหนดเป้าหมายการส่งออก และการค้าชายแดน โดยเฉพาะจะต้องเตรียมพร้อมรองรับการเปิดเสรีภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวทั้งหมดสิ่งสำคัญต้องการให้รัฐบาลหารือในคณะกรรมการ ร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) อย่างต่อเนื่อง ที่มา : โพสต์ทูเดย์ อ่าน : 1728 ครั้ง วันที่ : 24/05/2011 |
||||
|