|
||||
|
||||
ส.อ.ท.หนุนปรับโครงสร้างราคาแอลพีจี Shareกรุงเทพฯ 28 เม.ย. - ดร.ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ประกาศปรับโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจี เมื่อวานที่ผ่านมา โดยแยกราคาระหว่างการใช้ภาคครัวเรือนออกจากภาคขนส่งและภาค อุตสาหกรรม โดย ส.อ.ท.เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว เนื่องจากเป็นแนวทางที่ใช้พลังงานอย่างเหมาะสม ส่วนภาคอุตสาหกรรมที่รัฐบาลจะทยอยปรับขึ้นราคาแอลพีจี เพื่อให้ราคาสะท้อนต้นทุน โดยจะทยอยปรับขึ้นไตรมาสละ 3 บาทต่อกิโลกรัม จากปัจจุบัน 18 บาทต่อกิโลกรัม เริ่มปรับราคาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนั้น ภาคอุตสาหกรรมเชื่อว่าผลกระทบจะมีบางอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมผลิตกระเบื้องและเซรามิกส์ ที่ใช้แอลพีจี เป็นพลังงานสะอาดในเตาเผา อาจทำให้ราคากระเบื้องและเซรามิกส์ปรับราคาขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 5-6 ส่วนอุตสาหกรรมอื่น ๆ คงต้องพิจารณาเป็นรายอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับโครงสร้างแอลพีจีอย่างต่อ เนื่อง ซึ่งเชื่อว่าผู้ประกอบการขนาดใหญ่ปรับตัวก่อนหน้านี้แล้ว ปัจจุบันปริมาณผู้ใช้แอลพีจี แต่ละภาคส่วน ภาคอุตสาหกรรมมีปริมาณการใช้ 70,000 ตันต่อเดือน ภาคขนส่งใกล้เคียงกันที่ 69,000 ตันต่อเดือน ขณะที่ภาคครัวเรือน มีการใช้ประมาณ 200,000 ตันต่อเดือน การที่ กพช.จะให้มีการตรึงราคาแอลพีจี ภาคครัวเรือนจนถึงเดือนกันยายน และทิศทางของราคาหลังจากนั้น ก็ขั้นอยู่นโยบายของรัฐบาลใหม่จะเป็นเช่นไรบ้าง สำหรับผลกระทบการสู้รบระหว่างไทยและกัมพูชาที่มีแนวโน้มจะลุกลามขึ้นนั้น รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ความขัดแย้งดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)ของไทยไม่มาก โดยปัจจุบันมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชารวมทุกด่านมีมูลค่าปีละ 55,000 ล้านบาท โดยมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับกัมพูชารวมกับมูลค่าการค้าชายแดนของ 2 ประเทศ จะมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 0.8-0.9 ต่อจีดีพี อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามต่อไปว่าหากสถานการณ์ยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่อการส่งสินค้าจากไทย ผ่านกัมพูชาไปยังเวียดนามหรือไม่ ขณะเดียวกันยอมรับว่าอาจมีผลกระทบการท่องเที่ยว ซึ่งอาจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ไทยตั้งเป้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวปีนี้ 15 ล้านคน. ที่มา: สำนักข่าวไทย อ่าน : 1974 ครั้ง วันที่ : 29/04/2011 |
||||
|