|
||||
|
||||
ส.อ.ท.เผยยังเร็วเกินไปจะประเมินผลกระทบ ศก.ไทยจากสถานการณ์สู้รบไทย-เขมร Shareดร.ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบต่อการค้าจากสถานการณ์การสู้ รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณช่องจอม แต่หากการรบไม่ขยายตัวไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ก็เชื่อว่าจะกระทบเพียงการค้าชายแดนที่ช่องจอมและช่องสะงำ ส่วนด่านอรัญประเทศและที่จุดผ่านแดนหาดเล็กยังไม่มีรายงานว่ามีผลกระทบ หรือมีการปิดด่าน "ขณะนี้ยังคงเร็วไปที่จะบอกว่ากรณีไทย-กัมพูชาจะมีผลกระทบการส่งออก ของไทย ซึ่งคาดว่าจะมีการส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 80,000 ล้านบาท เฉพาะการค้าชายแดนก็ประมาณ 51,000 ล้านบาท อีกทั้งธุรกิจของไทยที่ลงทุนในกัมพูชาประมาณกว่า 100 โรงงานจะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงไร" นายธนิต กล่าว อนึ่ง การค้าชายแดนไทยทั้งระบบในปี 53 มีมูลค่าทั้งสิ้น 777,375 ล้านบาท คาดว่าจะเพิ่มเป็นร้อยละ 23.7 ปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 850,000 ล้านบาท โดยมีมาเลเซียเป็นคุ่ค้าอันดับ 1 สัดส่วนร้อยละ 64.05 อันดับ 1 พม่าสัดส่วนร้อยละ 17.76 อันดับ 3 สปป.ลาว ร้อยละ 11.05 และกัมพูชาอันดับ 4 สัดส่วนร้อยละ 7.09 ในช่วง 1 ส.ค.37 ถึง 30 มิ.ย.52 ไทยมีโครงการลงทุนในกัมพูชา 81 โครงการคิดเป็นมูลค่าการลงทุน 226.59 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 7,024.2 ล้านบาท เป็นการลงทุนในธุรกิจโรงแรมถึง 9 โครงการ มูลค่า 4,290.4 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดเสียมเรียบ รองลงมาเป็นการลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตร มูลค่า 2,346.7 ล้านบาท อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 221 ล้านบาท สำหรับการลงทุนของเครือซิเมนต์ไทย มีการก่อสร้างโรงงานซีเมนต์ ที่ จ.กัมปอต โรงงานผลิตซิเมนต์บล็อก การปลูกยูคาลิปตัส และการผลิตกระเบื้องมุงหลังคา ในด้านการให้บริการโทรคมนาคม โดยบริษัท กัมโบเดียชินวัตร หรือ เอ็มโฟน ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ด้านวิทยุโทรทัศน์เป็นการร่วมทุนระหว่างกลุ่มกันตนาในนามบริษัท ไมก้ามีเดีย ในการบริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 สถานการณ์ล่าสุดนั้น ผลกระทบยังจำกัดอยู่ที่บริเวณชายแดน จ.สุรินทร์ ทั้งช่องสะงำ และช่องจอม ส่วนด่านอรัญประเทศและด่านคลองลึกยังคงเปิดตามปกติ ขณะที่การขนส่งที่ไปชายแดนส่วนใหญ่ชะลอการส่งมอบสินค้า เพราะไม่มั่นใจความปลอดภัยหากจะมีการซื้อขายกันก็จะนัดการส่งมอบ สินค้า ณ ชายแดน ในด้านการงดจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กัมพูชา กระทรวงพลังงานยังไม่มีนโยบายในการงดจ่ายกระแสไฟฟ้าเพราะจะมีผลกระทบ อย่างมาก ซึ่งจะไม่เป็นผลดีกับทั้ง 2 ประเทศ (26 เม.ย.) และด้านการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งกัมพูชาพึ่งพิงไทยในอัตราสูงในปี 53 เป็นมูลค่า 2,259 ล้านบาท สำหรับปี 54 คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาท กระทรวงพลังงานยังไม่มีนโยบายการงดส่งมอบหากไม่มีคำสั่งจากหน่วยงานด้าน ความมั่นคง ส่วนด้านการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวไทยที่จะเดินทางไปนครวัด มีการยกเลิกการเดินทางเกือบทั้งหมด ยกเว้นการเดินทางไปซื้อสินค้าที่ชายแดน ซึ่งหากสถานะการณ์สู้รบยังไม่ยุติในเร็ววันจะส่งผลกระทบต่อการท่อง เที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งสำหรับประเทศไทยปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยว ประมาณ 15 ล้านคน สถานการณ์ทั่วไปในกรุงพนมเปญยังเป็นปกติ การยั่วยุผ่าน SMS และสื่อต่างๆ ยังไม่มากเหมือนที่เกิดขึ้นในปี 2549 ที่มา: http://www.ryt9.com/s/iq03/1136644 อ่าน : 1926 ครั้ง วันที่ : 27/04/2011 |
||||
|