|
||||
|
||||
เอกชนห่วงปิดด่านเขมรหมดซ้ำเติมปัญหา Shareเอกชนชง 4 ข้อเสนอยื่นรัฐบาล แก้ปัญหาไทย-กัมพูชา ห่วงปิดด่านทั้งหมดจะกระทบยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ กระทบการค้าการลงทุน หนุนเจรจาลดความขัดแย้ง ด้านพาณิชย์เผยปะทะ 5 วัน สูญรายได้การค้า 50 ล้านบาท ดร.ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะเลขาธิการสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา เปิดเผยภายหลังการประชุมจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา ว่า ที่ประชุมมีข้อเสนอให้ภาครัฐพิจารณา 4 ข้อ คือ 1.การพิจารณาปิดด่านต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ รวมถึงการตัดไฟฟ้าและการส่งออกน้ำมันด้วย เพราะจะทำให้ปัญหาซับซ้อนและแก้ไขยากขึ้น 2.ต้องการให้ภาครัฐแยกเรื่องเศรษฐกิจออกจากปัญหาความขัดแย้งชายแดน หรือปัญหาความมั่นคง 3.ขอให้ผู้แทนภาครัฐไม่ให้สัมภาษณ์สื่อในเชิงการยั่วยุ และ 4.เสนอให้มีการใช้พื้นที่พิพาท หรือพื้นที่ปักปันเขตแดนไม่ได้ร่วมกัน เช่น พื้นที่รอบเขตมรดกโลกเขาพระวิหาร "ที่ประชุมก็กังวลกับปัญหาที่เกิดขึ้น แม้ขณะนี้ผลกระทบทางธุรกิจยังมีไม่มาก แต่คาดว่าแนวโน้มการลงทุนจากไทยไปกัมพูชาน่าจะลดลง และหากการปะทะกันตามแนวชายแดนไม่ขยายตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ จะกระทบเพียงการค้าชายแดนผ่านช่องจอมและช่องสะงำ นอกจากนี้ การขนส่งไปชายแดนกัมพูชา ส่วนใหญ่ชะลอการส่งมอบ เพราะไม่มั่นใจความปลอดภัย ส่วนด้านการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวไทยที่จะเดินทางไปนครวัด มีการยกเลิกเกือบทั้งหมด" นายธนิตกล่าว สำหรับการค้าชายแดนของไทยทั้งระบบในปี 2553 มีมูลค่า 777,375 ล้านบาท ซึ่งการค้าชายแดนมาเลเซียมีสัดส่วนมากที่สุด 64% รองลงมาเป็นพม่า 17% ลาว 11% และกัมพูชา 7% ปี 2553 ไทยส่งออกผ่านชายแดนกัมพูชา 51,113 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 19% นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ภาคเอกชนไม่ต้องการให้ปัญหาความขัดแย้งขยายวงไปมากกว่านี้ ซึ่งการปิดชายแดนไทย-กัมพูชา จะทำให้สถานการณ์บานปลายขึ้นจึงไม่เห็นด้วย และหากมีความจำเป็นต้องปิดชายแดน ก็ควรปิดเฉพาะจุดที่ยังมีปัญหา เพราะถ้าปิดทั้งหมดจะทำให้การแก้ปัญหายากขึ้น โดยภาคเอกชนเชื่อว่ารัฐบาลคงพยายามประสานงานในพื้นที่และหาทางให้เกิดสันติ ซึ่งรัฐบาลควรใช้แนวทางในการเจรจาเพื่อลดข้อขัดแย้งร่วมกัน นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เหตุปะทะกันทำให้เกิดความเสียหายการค้าชายแดน วันละ 10 ล้านบาท ปะทะ 5 วัน มูลค่าอยู่ที่ 50 ล้านบาท โดยรายได้การค้าไทย-กัมพูชาทั้งหมดคิดเป็น 7.5 หมื่นล้านบาท เฉพาะ 2 ด่านการค้าชายแดนสุรินทร์ ศรีสะเกษคิดเป็น 0.2% ของการค้าชายแดนรวม ด้านนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการปิดด่านชายแดน 2 แห่งคือ จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ และจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จ.สุรินทร์ ทำให้การค้าชายแดนผ่านจุดดังกล่าวชะงักงัน อย่างไรก็ตามผลกระทบด้านการค้ามีไม่มากนัก ที่มา : คม ชัด ลึก อ่าน : 1643 ครั้ง วันที่ : 27/04/2011 |
||||
|