ศูนย์ฯ สิริกิติ์ * เอกชนย้ำจุดยืน ไม่เห็นด้วยที่จะส่งเสริมให้จีนเข้ามาตั้งศูนย์ค้าส่งขนาดใหญ่ในไทย ชี้ทำเอสเอ็มอีไทยกระทบ 10 กลุ่ม พร้อมย้อนถามรัฐบาลต้องการช่วยผู้ประกอบการไทยจริงหรือไม่ ถึงทำตัวเป็นพีอาร์ให้
นายธนิต โสรัตน์ รองประ ธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ไทย (ส.อ.ท.) กล่าวภายในงานสัมม นาเรื่อง "เมื่อศูนย์ค้าส่งยักษ์จีนบุกรุก สิทธิคนไทยหรือไม่?" ว่า หากจีนเข้า มาลงทุนในลักษณะส่งเสริมเป็นอสังหาริมทรัพย์แล้วเปิดให้ผู้ประ กอบการไทยเข้าไปขายของได้ก็คงไม่เป็นไร แต่เท่าที่ดู เป็นการลงทุนศูนย์ค้าส่งขนาดใหญ่ที่มีการส่งออกด้วยและยังมีโรงงานผลิตเองด้วย ซึ่งแบบนี้ก็ไม่ควร แม้ว่าจะเป็นการเข้ามาลงทุนอย่างถูกกฎหมาย และต้องถามว่า แล้วทำไมรัฐบาลถึงต้องส่งเสริมแบบออกหน้าออกตา ทำตัวเป็นพีอาร์ให้ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการไทยงงว่าตกลงรัฐบาลต้องการส่งเสริมการค้าของไทยจริงๆ หรือเปล่า
"เห็นว่ารัฐบาลควรเข้าไปกำกับดูแลและมองถึงผลกระทบในระยะยาวด้วยว่าจะกระทบต่อผู้ประกอบการไทยอย่างไรบ้าง เพราะทุนจากจีนที่เข้ามาครั้งนี้เป็นเพียงหนังตัวอย่างก่อนที่ไทยจะเปิดรับการเปิดเสรีการค้าอาเซียนในปี 2558 ซึ่งตอนนั้นถึงจะเป็นหนังใหญ่มากกว่า เพราะจะมีทุนจากทุกประเทศไหลเข้ามาไม่ว่าจะเป็นจีน หรือสิงคโปร์ แล้วถึงเวลานั้น รัฐบาลและผู้ประ กอบการไทยจะพร้อมรับมือหรือไม่ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำ นักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) กรมศุลกากร ต้องเข้มงวดในการตรวจมาตรฐานการ นำเข้าสินค้าให้ได้มาตรฐานสากล รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์จะต้องดูว่ามีการจดทะเบียนนอมินีหรือไม่" นายธนิตกล่าว
ทั้งนี้ การที่ศูนย์ค้าส่งจากจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยทำให้มีผู้ผลิตและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงประ มาณ 10 กลุ่ม เช่น ผู้ประกอบการ กลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เครื่องหนัง แฟชั่น ของขวัญ ของชำร่วย รองเท้า และของใช้ในบ้าน นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบการธุรกิจนำเข้าสิน ค้าจากจีนและผู้ประกอบการโลจิส ติกส์ในประเทศที่ได้รับผลกระทบด้วย
นางอมรา พงศาพิชญ์ ประ ธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า เชื่อว่าการลงทุนศูนย์ค้าส่ง ไซน่า ซิตี้ คอมเพล็กซ์ ที่ใช้พื้นที่มากถึง 64 ไร่ ขนาดพื้นที่โครงการ 5-7 แสนตารางเมตรนั้น จะทำให้มีสินค้าราคาถูกจากจีนเข้ามาตีตลาดในไทยมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เอสเอ็มอีไทยตกงาน เพราะไม่สามารถแข่งขันได้ และอาจกระทบต่อชุมชนอย่างร้ายแรง ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ดังนั้น จึงอยากให้มีการจัดทำรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้-ส่วนเสียก่อน
นายเกรียติ สิทธีอมร ประ ธานผู้แทนการค้าไทย ผู้แทนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมา ก็ได้ติดตามดูตลอดว่าการเข้ามาลงทุนของจีนครั้งนี้เป็นการเข้ามาแบบผิดปกติหรือไม่ เพราะกลัวการเข้ามาสวมสิทธิ์เป็นสินค้าไทยและก๊อบปี้สินค้าส่งไปขาย ซึ่งหากเป็นแบบนี้ก็เท่ากับว่า ทำลายชื่อเสียงสินค้า และเอสเอ็มอีไทยในตลาดโลกไปโดยปริยาย โดยจากการตรวจสอบก็ไม่พบความผิดปกติ และหากมีการเข้ามาลงทุนจริงก็มีกฎหมายต่างๆ ไว้คอยดูแลอยู่แล้ว เช่น กฎหมายว่าด้วยการค้า พ.ศ. .... กฎหมายว่าด้วยการกำหนดราคาสินค้าและบริการ พ.ร.บ.ดูแลตอบ โต้การทุ่มตลาด และที่สำคัญการเข้ามาลงทุนตั้งศูนย์ค้าส่งครั้งนี้ยัง ไม่ได้รับสิทธิในการส่งเสริมการลง ทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพราะไม่เข้าข่าย ซึ่งถือเป็นข้อท้าทายให้รัฐบาลในการปรับเครื่องมือดูแลให้ทันสมัยและหาจุดสมดุลให้ทุกฝ่ายอยู่ด้วยกันได้.