ที่มา : http://www.krobkruakao.com 21 มี.ค. 2554
รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เสนอรัฐบาลควรจัดตั้งกองทุนประกันค่าเงินบาทให้กับกลุ่มSMEs ย้ำตั้งแต่ต้นปีบาทแข็งทำให้การส่งออกข้าวเสียหายแล้วกว่า 5,300 ล้านบาท ส่วนยานยนต์ ส่งออกเสียหายรวม 15,000 ล้านบาท
ในส่วนของปัญหาบาทแข็งที่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก มีผลการศึกษาโดย ดร.ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พบว่า มีผลกระทบ 4 ด้าน ได้แก่
1.การชะลอรับคำสั่งซื้อล่วงหน้าลดลง โดยเฉพาะผู้ส่งออกที่ใช้วัตถุดิบในประเทศค่อนข้างสูง จากปกติที่รับคำสั่งซื้อล่วงหน้า 10 เดือน ก้ปรับลดลงมาเป็น 6 เดือน ล่าสุดปรับเหลือ 2-3 เดือน หรือน้อยกว่านี้
2.กำไรลดลงและบางรายเริ่มขาดทุน
3.ผลกระทบต่อมูลค่าส่งออก โดยเฉพาะต้นปีหน้า จากการสำรวงจพบว่า เครื่องปรับอากาศลดลงร้อยละ 7,กลุ่มผลิตและส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ ลดลงร้อยละ 10,กลุ่มไม้ยางแปรรูปลดลงร้อยละ 40 โดยกลุ่มยานยนต์ ให้ข้อมูลว่า การแข็งค่าของเงินบาททุกๆ 1 บาท จะกระทบรายได้ในรูปของเงินบาท ที่ 6 พันล้านบาท หากคำนวณตั้งแต่ต้นปีเสียหายไปแล้วประมาณ 15,000 ล้านบาท ด้านผู้ส่งออกข้าวระบุว่าเงินบาทแข็งค่ากระทบรายได้ 250 บาทต่อ 1 เมตริกตัน กระทบรายได้ในรูปของเงินบาท 2,125 บาท จากต้นปีเสียหายไปแล้วประมาณ 5,315 ล้านบาท
4.ผลกระทบระยะ 3-6 เดือนข้างหน้า จะมีผลต่อสภาพคล่องในระยะยาวและกระทบกับการชำระหนี้วัตถุดิบ อย่างไรก็ตาม ผู้นำเข้าเพื่อขายในประเทศ จะได้รับประโยชน์จากมูลค่าเงินบาทที่ลดลง และส่งผลดีต่อราคาน้ำมัน , ปุ๋ย , และยาฆ่าแมลง
นายธนิต ย้ำว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงปัจจุบันเงินบาทแข็งค่าขึ้น 6.2% สำหรับผลกระทบภาคอุตสาหกรรมที่ส่งออกที่ได้รับผลกระทบคือกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออกที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก อาทิอุตสาหกรรมการเกษตร, เสื้อผ้าสำเร็จรูป,รองเท้า เป็นต้น ซึ่งเดิมกลุ่มนี้จะประมาณการค่าเงินบาทไว้ที่ 31.50 บาท/เหรียญสหรัฐ แนวทางในการแก้ปัญหา อยากให้รัฐบาล และธปท.ออกมาตรการมาช่วยเหลือ สกัดเงินนอกเข้ามาในประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะสหรัฐ และสหภาพยุโรปยังไม่มีความแน่นอนว่าจะฟื้นตัว น้ำมันก็ราคาลด นักเก็งกำไรไม่กล้าเก็งกำไร ดังนั้นจึงหันมาลงทุนในประเทศแถบเอเชีย ซึ่งไทยถือว่ามีดอกเบี้ยสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน เงินนอกจึงไหลเข้ามาแสวงหากำไรมากขึ้น
ที่สำคัญคือ อยากให้รัฐบาลจัดตั้งกองทุนประกันค่าเงินบาทให้กับกลุ่มSMEs เนื่องจากการทำประกันความเสี่ยงต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับสถาบันการเงิน ในส่วนของผู้ประกอบการรายใหญ่นั้นไม่มีปัญหา แต่สำหรับ SMEs ถือว่าเป็นภาระอย่างมาก