โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ |
27 กุมภาพันธ์ 2554 21:33 น. |
ภาคเอกชนฉุน รบ.หว่านประชานิยมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำหาเสียง โยนภาระให้เอกชนแบกต้นทุน ส.อ.ท. ชี้ เป็นวิธีที่ง่ายเกินไป เพราะแรงงานในระบบ เพิ่งปรับขึ้นค่าแรงไปเมื่อเดือน ม.ค. วอนการเมืองอย่าแทรกแซงไตรภาคี หวั่นก่อผลกระทบในระยะยาว เพราะท้ายสุดบาปจะไปตกกับผู้บริโภค การย้ายฐานผลิต ปชป. เปิดแคมเปญหาเสียงชุดแรกกลางจตุจักร ชูจุดขาย เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ภายใน 2 ปี ลั่นเลือกตั้งปลายปีนี้แน่นอน
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี มีแนวทางจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกรอบนั้น ภาคมองว่า เป็นวิธีการที่ง่ายเกินไป ที่แก้ปัญหาเงินเฟ้อ ของแพง ด้วยการปรับขึ้นค่าแรง เพราะทำให้ภาคเอกชนแบกรับภาระต้นทุน ซึ่งปัจจุบัน มีแรงงานในระบบถึง 8,000,000 คน และการปรับค่าแรง ก็เพิ่งปรับไปในเดือนมกราคม 2554 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้มองว่า การประชุมไตรภาคี เป็นกลไกในการพิจารณาค่าแรงอยู่แล้ว ภาคการเมืองไม่ควรเข้าไปแทรกแซง นำมาใช้เป็นวิธีการหาเสียงเป็นประชานิยม เพราะจะมีผลกระทบตามมาในระยะยาว
ส่วนความกังวลของสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ได้รับผลกระทบ จากเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศตะวันออกกลาง คงกระทบชั่วคราวเพียงเดือนกว่าๆ เท่านั้น ดังนั้น ไม่ควรรีบร้อนปรับขึ้น ควรจะใช้วิธีการชะลอค่าใช้จ่าย หรือการอุ้มราคาน้ำมันดีเซล ที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ เพราะหากปรับขึ้นค่าแรงไปแล้ว คงปรับลงไม่ได้ และผลกระทบสุดท้ายจะตกกับผู้บริโภค ภาคการส่งออก และจะส่งผลให้โรงงานย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีค่าแรงถูกกว่า
โดยช่วงบ่ายวันนี้ (27 กุมภาพันธ์) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ร่วมเปิดแคมเปญหาเสียงเลือกตั้ง ปชป.ชุดแรกที่บริเวณลานเอนกประสงค์ตลาดนัดสวนจตุจักร ถ.กำแพงเพชร โดยระบุว่า ปชป.จะเดินหน้าต่อไปด้วยนโยบายเพื่อประชาชน โดยนโยบายชุดแรกที่พรรคจะเดินหน้าก็คือการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 25 % ภายใน 2 ปี โดยค่าแรงขั้นค่ำเฉลี่ยในขณะนี้อยู่ที่ 270 กว่าบาท จะขึ้นสู่ระดับที่สูงกว่า 300 บาทภายในปี
"การออกแคมเปญนี้ เพราะต้องการเติมเงินในกระเป๋าประชาชน การเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายต้องเดินหน้าต่อไป ขณะที่ปัญหายาเสพติดรัฐบาลจะเพิ่มกองกำลังปราบปรามยาเสพติดจำนวน 2500 นาย เพราะจำเป็นต้องเสริมกำลังทั่วประเทศ จะจัดให้มีกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยจำนวน 250,000 ทุน เนื่องจากการลงพื้นที่พบว่ามีประชาชนเป็นจำนวนมากต้องการให้บุตรหลานเรียนในระดับมหาวิทยาลัย และจะมีการเพิ่มโฉนดชุมชนให้เกษตรกรจำนวน 250,000 คน"
นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า นโยบายต่างๆ ของพรรคที่ออกมาถือเคล็ดเลข 25 ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาอีก 2.5 แสนทุน โฉนดชุมชน จะเพิ่มเป็น 2.5 แสนราย เรื่องยาเสพติดมีการจัดกองกำลัง 2,500 นาย เพราะทางนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และเลขาพรรคประชาธิปัตย์ บอกแล้วว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า ประมาณกลางปี จะได้ ส.ส. 250 คน ซึ่งถ้าเลือกพรรค ปชป. ก็จะเดินหน้านโยบายเพื่อประชาชนต่อไป
"การเสนองบประมาณกลางปีเข้าสู่สภา พรรคเพื่อไทยและนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วนเพื่อไทยผู้นำการอภิปรายไม่เห็นด้วยที่จะให้งบฯ 1.2 แสนล้านบาท แต่ประชาชนรอคอยไม่ได้ ประเทศจะอยู่นิ่งกับที่ไม่ได้ และขณะนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า การเมืองในระบบประชาธิปไตยเท่านั้นที่แก้ปัญหาให้ประชาชนได้ หลังทำงานได้สองปีและได้ผลักดันสิ่งต่างๆ ไว้มากมาย สามารถทำให้ประชาชนที่อยู่นอกระบบประกันสังคมได้เข้าสู่ระบบ มีการจดทะเบียนจักรยานยนต์มีสินเชื่อให้เพื่อเป็นหลักประกัน มีการขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการในวันที่ 1 เมษายน 2554 นี้ และพยายามแก้ปัญหาลดค่าใช้จ่ายในบางเรื่องให้กับประชาชน"
อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถไปควบคุมสินค้าบางประเภทได้ นโยบายที่ประกาศในวันนี้คือทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหา เพิ่มเงินในกระเป๋าให้ประชาชนสู้กับภาวะของแพงและปัญหาที่เผชิญอยู่ เพราะขณะนี้การเมืองกำลังเข้าสู่การเลือกตั้งในปลายปีนี้ วันนี้เราต้องการให้ประเทศเดินหน้าหรือต้องการให้ประเทศติดหล่มอยู่กับสภาพปัญหาเดิมๆ คือ ความขัดแย้ง
"ประชาธิปัตย์บอกชัดว่าเราเร่งเอาเงินทีเก็บได้เกินไปใช้หนี้ เพื่อนำไปช่วยเหลือคน ซ่อมถนนหนทาง โรงเรียน วัด สถานพยาบาล ที่เสียหายจากน้ำท่วม ประเทศหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ ให้รีบใช้หนี้เสีย งบปี 2555 จะได้จัดได้อย่างเต็มที่ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 พรรคเพื่อไทยจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลซึ่งก็เป็นสิทธิ เห็นบอกว่าจะไม่ไว้วางใจเขาในเหตุการณ์ทางการเมืองปีที่ผ่านมา ซึ่งก็อภิปรายไปแล้ว 1 ครั้ง จึงบอกว่าวันนี้ทางเดินมันชัดว่าเราอยากให้ประเทศเดินไปทางไหน หรือให้ถอยหลังไปยึดติดอยู่กับภาพเก่าๆ เรื่องเก่าๆ แล้วทำให้ประชาชนเสียโอกาส"