เอกชนผวากระทบสินค้าจี้รัฐคลี่คลายสถานการณ์ Share


ภาคเอกชนหวั่นปัญหาไทยกัมพูชายืดเยื้อส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์สินค้าไทย เนื่องจากเกี่ยวกับอธิปไตยและความรู้สึกรักชาติ ทำให้สินค้าจีน-เวียดนามเข้ามาแข่งขันได้ง่าย จี้รัฐเร่งเคลียร์สถานการณ์ให้คลี่คลายโดยเร็วที่สุด เผยปิดด่านเสียหายวันละ 50-70 ล้านบาท

เหตุปะทะกันระหว่างทหาร ไทยกับทหารกัมพูชาบริเวณแนวชายแดนทำให้ภาคเอกชนเริ่มมีความกังวลว่าจะส่งผล กระทบต่อเศรษฐกิจ เมื่อวันจันทร์ นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างไทยกัมพูชาได้สร้างความกังวลใจต่อนักธุรกิจไทย และได้ชะลอการลงทุนในกัมพูชาเพื่อรอติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะหากสถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้น ก็จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายผู้บริหารและแรงงานไทยกลับมา


"เชื่อว่าจะเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะสั้นและมีวงจำกัด แต่อยากเรียกร้องให้รัฐบาลใช้วิธีการเจรจาทางการทูตเพื่อให้สถานการณ์คลี่ คลายลงโดยเร็ว" นายพยุงศักดิ์กล่าว

ดร.ธนิต โสรัตน์ รองประ ธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า เหตุปะทะกันจะส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนในภาพรวม โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศกัมพูชา เนื่องจากประเด็นที่ขัดแย้งกันเป็นประเด็นเกี่ยวกับอธิปไตยและความรู้สึกรัก ชาติ ซึ่งมีความละเอียดอ่อนสูง ดังนั้นอาจทำให้สูญเสียภาพลักษณ์ของสินค้าไทยที่มีสัดส่วนการนำเข้าสูงที่ สุดในกัมพูชา ขณะที่สินค้าจีนและเวียดนามจะสามารถเข้ามาแข่งขันได้ง่ายขึ้น

"อยากเสนอให้ภาครัฐประ สานงานร่วมกันทั้งในฝ่ายความมั่นคงและด้านเศรษฐกิจ เพื่อให้สถานการณ์ คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์จะต้องมีมาตรการช่วยฟื้นฟูภาพลักษณ์สินค้าไทยให้ กลับมา เพื่อไม่ให้กระทบกับภาคธุรกิจที่ส่งออกและลงทุนในกัมพูชา" นายธนิตกล่าว

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการค้าขายระหว่างไทยกับกัมพูชามีมูลค่าประมาณ 50,000 ล้านบาท โดยไทยเข้าไปลงทุนโครงการขนาดใหญ่รวมมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นภาคการเกษตร วัสดุก่อสร้าง สิ่งทอ-เครื่องนุ่งห่ม ร้านอาหาร และโรงแรม ขณะที่การนำเข้าสินค้าจากกัมพูชามีมูลค่า 3,000-5,000 ล้านบาท

นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอ การค้าแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า อยากให้เหตุ การณ์ยุติโดยเร็ว  โดยสันติวิธี เพราะการเกิดปัญหาขัดแย้งกันไปก็ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อใคร เนื่องจากชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ตะเข็บหรือ รอยต่อชายแดนต่างก็มีการติดต่อค้าขายระ หว่างกัน ยิ่งปล่อยให้เหตุการณ์ความรุนแรงยืดเยื้อออกไปนานๆ ก็ไม่ส่งผลดี แต่จากการสำรวจไปยังหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผลกระทบแต่อย่างใด

นายธนวรรธน์  พลวิชัย  ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ  มหาวิทยา ลัยหอการค้าไทย ระบุว่า ขณะนี้ผลกระทบด้าน การค้าชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาที่มีการปิดด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ นั้นกระทบในบางจุดเท่านั้น  แต่มีการประเมินว่าความเสียหายจะอยู่ที่วันละ 50-70 ล้านบาท

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) วิเคราะห์ถึงสถานการณ์ความไม่สงบทางชาย แดนไทย-กัมพูชา โดยคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อ เศรษฐกิจไทยเพียงระยะสั้น ผ่านทางรายได้จาก การส่งออกและนักท่องเที่ยว  ซึ่งการส่งออกสิน ค้าของไทยไปกัมพูชาในปี 2553 มีมูลค่า 2,342.1 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นการขยายตัว 48.2% โดยสินค้าที่ส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำตาลทราย และปูนซีเมนต์ และมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยคิดเป็นสัดส่วนการส่งออก 1.2% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด

ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจากกัมพูชาล่าสุดในเดือน ม.ค. มีจำนวน 11,336 คน คิดเป็นการขยายตัว 14.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียว กันปีก่อน โดยในปี 2553 มีสัดส่วนอยู่ที่ 0.9% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางเข้าประเทศไทย

ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ความตึงเครียดด้านชาย แดนไทย-กัมพูชา ขณะนี้เท่าที่ประเมินคาดว่าจะ กระทบต่อการค้าประมาณ 5% ของมูลค่าการ ค้ารวม แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อจะกระทบไม่น่าเกิน 10% แต่จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักธุรกิจมากขึ้น




อ่าน : 1815 ครั้ง
วันที่ : 11/02/2011

Contact : V-SERVE GROUP 709/54-55 ถ.สุขุมวิท 77 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง  กทม. 10250 โทรศัพท์. 0 2332 3940-9 โทรสาร. 0 2332 0754
E-mail: tanit@v-servegroup.com