ศูนย์กลาง (HUB) หมายถึง การใช้ประโยชน์เชิงพื้นที่ในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ (Logistics Hub) เชื่อมโยงกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบโลจิสติกส์ทั้งหมดไว้อย่างเป็นระบบ อันประกอบไปด้วยการขนส่ง การเคลื่อนย้ายสินค้า-บริการ , ข้อมูลข่าวสาร และการเคลื่อนย้ายทุน โดยมีความพร้อมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่ง และระบบสาธารณูปการ ภายใต้การสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐและมีการจัดการกฎหมายและระเบียบ ข้อบังคับที่เอื้ออำนวยต่อการส่งเสริมธุรกรรมทางการค้า และมีการพัฒนาระบบขนส่งที่เชื่อมโยง ทั้งทางบก-ทางน้ำ-ทางอากาศ รวมถึงการให้มีระบบพื้นฐานในการบริการและการอำนวยความสะดวกในการเก็บและกระจายสินค้า สามารถจัดการการเคลื่อนย้ายสินค้าทั้งขาเข้าและขาออกของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการเชื่อมโยงเครือข่ายการกระจายสินค้าทั้งภายในประเทศและเชื่อมต่อไปยังต่างประเทศ ศูนย์กลางโลจิสติกส์เป็นผลสืบเนื่องจากการสร้างประสิทธิภาพทางด้านโลจิสติกส์ให้สูงขึ้น เพื่อให้เกิดกระบวนการสร้างงานหรือกระบวนการเพิ่มคุณค่า (Value Added Process) กับสินค้าที่ส่งผ่านในโซ่อุปทานนั้นๆ โดยประเทศไทยมีความได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ มีพื้นที่ติดทะเลทั้งทางด้านอ่าวไทยและทะเลอันดามัน และสามารถเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบทั้งประเทศพม่า ลาว กัมพูชา มาเลเซีย เวียดนาม และจีน นอกจากนี้ สภาพเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Export-oriented country) มีมูลค่าและปริมาณการค้าระหว่างประเทศสูงขึ้นเป็นลำดับ โดยแต่ละประเทศในภูมิภาคนี้มีความเจริญเติบโตทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศอย่างรวดเร็ว (ยกเว้นประเทศพม่า และ สปป.ลาว) อีกทั้งแนวโน้มการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีของประเทศไทย ทำให้การค้าระหว่างประเทศของประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ยิ่งมีการเจริญเติบโตที่สูงขึ้น ดังนั้น ทิศทางการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทยในปัจจุบัน จึงมุ่งไปที่การยกระดับระบบโลจิสติกส์สู่มาตรฐานสากล เพื่อสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางธุรกิจและการค้าในภูมิภาค ทั้งนี้ ประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศโดยเฉพาะจีน , มาเลเซีย , สิงคโปร์ได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนายกระดับมาตรฐานระบบโลจิสติกส์นำหน้าประเทศไทยไปมากแล้ว โดยมาเลเซียต้นทุนโลจิสติกส์ต่อ GDP จะประมาณ 15% ขณะที่สิงคโปร์ประมาณ 7-10% สำหรับประเทศไทย 20-25% โดยแต่ละประเทศดังกล่าวก็มุ่งไปที่การพัฒนาประเทศไปสู่การเป็นศูนย์กลาง โลจิสติกส์ (Logistics Hub) ทั้งนี้ จากการเปิดเสรีทางการค้า และเขตการค้าเสรีอาเซียนก่อให้เกิดภาวะการแข่งขันด้านการผลิตและการตลาดมีความรุนแรง โดยเฉพาะประเทศต่างๆในอนุภูมิภาคอินโดจีน และลุ่มแม่น้ำโขง จะมีลักษณะปัจจัยคล้ายคลึงกัน จึงทำให้มีการแข่งขันในตลาดเดียวกัน
ประโยชน์ของการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำ มีผลต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ ในด้านเพิ่มศักยภาพขีดความสามารถในการแข่งขัน (Core Competitiveness) และการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจหรือ GDP การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ยังมีผลต่อการเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ โดยเฉพาะการขนส่งทางบกและแม่น้ำโขง รวมถึงการเชื่อมโยงเมืองท่าสำคัญในภูมิภาค และ สามารถใช้ประโยชน์จากท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือต่างๆ รวมถึง การขนส่งทางถนนและทางรถไฟในการเชื่อมโยงกับประเทศลาว ,พม่า , กัมพูชา และกับประเทศจีนตอนใต้ อย่างไรก็ดี การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ยังก่อให้เกิดการเป็นศูนย์การค้าและการเงินระหว่างประเทศ เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมที่การเคลื่อนย้ายของสินค้าและบริการจากประเทศต่างๆ จะต้องใช้เส้นทางในประเทศไทยเพื่อส่งผ่านไปประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและการเงินของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกระบวนการไหลผ่านดังกล่าวจะส่งผ่านเทคโนโลยี ความรู้ และทักษะในการจัดการต่างๆ มาสู่ประเทศด้วย ดังนั้น บุคลากรของประเทศจึงมีศักยภาพมากขึ้น เป็นการเพิ่มผลิตภาพมากขึ้น (Productivity) และสุดท้ายก็จะนำไปสู่การมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น (well-being) ส่งผลทำให้เป็นศูนย์รวมสินค้าของภูมิภาค (Collecting Port) ทำให้มีปริมาณสินค้าจำนวนมากเพิ่มการขนส่งระหว่างประเทศก่อให้เกิดการประหยัดจากขนาดจากการขนส่งสินค้า (Economies of Scale) และการประหยัดจากความรวดเร็ว (Economies of Speed) คือ ความสามารถในการจัดการการเคลื่อนย้ายและการกระจายสินค้าในปริมาณที่มากขึ้น ด้วยระยะเวลาตอบสนอง (Response Time) ที่ดีขึ้น เพราะจะมีความถี่ของพาหนะการขนส่ง เช่น ปริมาณเที่ยวของเรือและเครื่องบินที่มากขึ้น ทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์ต่อหน่วยสินค้าลดลง และบริการดีขึ้น (Cost Effective) ผลิตภาพการผลิต (Productivity) เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการช่วยสนับสนุนการดำเนินการของสาขาการผลิตและการค้าในประเทศให้มีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้น ทั้งนี้ กระบวนการสร้างคุณค่าให้กับประเทศ (Value Creation) จากกิจกรรมของการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของอนุภูมิภาคและของโลก ก่อให้เกิดกิจกรรมเสริมคุณค่าต่างๆในโซ่อุปทานของระบบโลจิสติกส์ ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ (Value added of infrastructure) ไม่ว่าจะเป็นจุดรวบรวมและกระจายสินค้าของภูมิภาค (Packing House / Regional Distribution Center) ท่าอากาศยานหรือท่าเรือ ศูนย์ซ่อมเรือ , เครื่องบิน , ตู้คอนเทนเนอร์ ฯลฯ ทำให้ประเทศไทยมีคุณค่าในฐานะเป็นประเทศสนับสนุนการค้าของโลก เหมือนกรณีเช่นประเทศสิงคโปร์ เป็นต้น รวมทั้ง การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยการลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ (Global Logistics Business) และการลงทุนในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง เช่น ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการค้าและบริการ เป็นต้น ดังนั้น ผลประโยชน์ทางตรงที่ประเทศจะได้รับจะออกมาในรูปของรายได้ที่เกิดจากการประกอบการ (Operating Income) และการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการจ้างงานด้านโลจิสติกส์ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์จึงกลายมาเป็นปัจจัยที่มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน (Competitive Advantage) การเป็นศูนย์กลาง โลจิสติกส์ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงจึงจะก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม (Tangible and intangible economic benefits)
|
||||
|
||||
ความสำคัญของการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ (HUB & Spokes) ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง Shareโดยธนิต โสรัตน์ / ประธานกรรมการ V-SERVE GROUP
ประโยชน์ของการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำ มีผลต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ ในด้านเพิ่มศักยภาพขีดความสามารถในการแข่งขัน (Core Competitiveness) และการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจหรือ GDP การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ยังมีผลต่อการเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ โดยเฉพาะการขนส่งทางบกและแม่น้ำโขง รวมถึงการเชื่อมโยงเมืองท่าสำคัญในภูมิภาค และ สามารถใช้ประโยชน์จากท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือต่างๆ รวมถึง การขนส่งทางถนนและทางรถไฟในการเชื่อมโยงกับประเทศลาว ,พม่า , กัมพูชา และกับประเทศจีนตอนใต้ อย่างไรก็ดี การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ยังก่อให้เกิดการเป็นศูนย์การค้าและการเงินระหว่างประเทศ เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมที่การเคลื่อนย้ายของสินค้าและบริการจากประเทศต่างๆ จะต้องใช้เส้นทางในประเทศไทยเพื่อส่งผ่านไปประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและการเงินของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกระบวนการไหลผ่านดังกล่าวจะส่งผ่านเทคโนโลยี ความรู้ และทักษะในการจัดการต่างๆ มาสู่ประเทศด้วย ดังนั้น บุคลากรของประเทศจึงมีศักยภาพมากขึ้น เป็นการเพิ่มผลิตภาพมากขึ้น (Productivity) และสุดท้ายก็จะนำไปสู่การมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น (well-being) ส่งผลทำให้เป็นศูนย์รวมสินค้าของภูมิภาค (Collecting Port) ทำให้มีปริมาณสินค้าจำนวนมากเพิ่มการขนส่งระหว่างประเทศก่อให้เกิดการประหยัดจากขนาดจากการขนส่งสินค้า (Economies of Scale) และการประหยัดจากความรวดเร็ว (Economies of Speed) คือ ความสามารถในการจัดการการเคลื่อนย้ายและการกระจายสินค้าในปริมาณที่มากขึ้น ด้วยระยะเวลาตอบสนอง (Response Time) ที่ดีขึ้น เพราะจะมีความถี่ของพาหนะการขนส่ง เช่น ปริมาณเที่ยวของเรือและเครื่องบินที่มากขึ้น ทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์ต่อหน่วยสินค้าลดลง และบริการดีขึ้น (Cost Effective) ผลิตภาพการผลิต (Productivity) เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการช่วยสนับสนุนการดำเนินการของสาขาการผลิตและการค้าในประเทศให้มีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้น ทั้งนี้ กระบวนการสร้างคุณค่าให้กับประเทศ (Value Creation) จากกิจกรรมของการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของอนุภูมิภาคและของโลก ก่อให้เกิดกิจกรรมเสริมคุณค่าต่างๆในโซ่อุปทานของระบบโลจิสติกส์ ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ (Value added of infrastructure) ไม่ว่าจะเป็นจุดรวบรวมและกระจายสินค้าของภูมิภาค (Packing House / Regional Distribution Center) ท่าอากาศยานหรือท่าเรือ ศูนย์ซ่อมเรือ , เครื่องบิน , ตู้คอนเทนเนอร์ ฯลฯ ทำให้ประเทศไทยมีคุณค่าในฐานะเป็นประเทศสนับสนุนการค้าของโลก เหมือนกรณีเช่นประเทศสิงคโปร์ เป็นต้น รวมทั้ง การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยการลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ (Global Logistics Business) และการลงทุนในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง เช่น ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการค้าและบริการ เป็นต้น ดังนั้น ผลประโยชน์ทางตรงที่ประเทศจะได้รับจะออกมาในรูปของรายได้ที่เกิดจากการประกอบการ (Operating Income) และการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการจ้างงานด้านโลจิสติกส์ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์จึงกลายมาเป็นปัจจัยที่มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน (Competitive Advantage) การเป็นศูนย์กลาง โลจิสติกส์ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงจึงจะก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม (Tangible and intangible economic benefits) ไฟล์ประกอบ : ไม่มีไฟล์ อ่าน : 25238 ครั้ง วันที่ : 27/04/2007 |
||||
|