|
ประหยัดเงินได้ 43,000 ล้าน ที่เหลือให้ใช้รถเก่าแทน
"เสธ.หนั่น"ทุบโต๊ะลดจำนวนรถเมล์เอ็นจีวีเช่าเหลือ 4,000 คัน หลังใช้เวลานาน 3 อาทิตย์ ประชุมชี้แจงทำความเข้าใจ ส่วนที่เหลือให้นำรถเมล์เก่ามาปรับปรุงแทน ลดวงเงินได้กว่า 43,000 ล้านบาท สั่ง ขสมก.ลงทุนสร้างอู่รถเมล์ให้เอกชนเช่าแก้ปัญหาติดขัดเรื่องวางท่อก๊าซ ด้าน ทรงศักดิ์ ยังติดใจต้อง 6,000 คัน ถึงครอบคลุมทุกเส้นทาง รอ ครม.ชี้ขาด 2 ก.ย. นี้
ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 ส.ค. นายอรรคพล สรสุชาติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์) เปิดเผยภายหลังร่วมประชุม คณะกรรมการพิจารณาแผนการปรับปรุงโครงสร้าง การบริหารงานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และการจัดหารถโดยสารปรับอากาศที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี จำนวน 6,000 คัน ซึ่งเป็นการประชุมนอกรอบครั้งที่ 3 โดยมี พล.ต.สนั่น เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่าให้จัดเช่ารถจำนวน 4,000 คัน ซึ่งจะทำให้วงเงินโครงการเหลือ 67,000 บาท ลดลง 43,000 ล้านบาท หรือลดลง 30% จากมูลค่าเดิม 110,000 ล้านบาท เนื่องจากเห็นว่า หากไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วน จะทำให้เหลือรถจอดเปล่าโดยไม่ใช้งานถึง 2,000 คัน ทำให้สิ้นเปลืองเงินค่าเช่าโดยใช่เหตุ และไม่คุ้มค่าการลงทุน ดังนั้นจึงมีแผนที่จะนำรถปรับอากาศของ ขสมก. ที่ไม่ใช้งานจำนวนกว่า 1,700 คันมาวิ่งเสริมในชั่วโมงเร่งด่วนแทน
วงเงินที่ลดลงส่วนหนึ่งมาจากจำนวนรถที่เช่าลดลง อีกส่วนมาจากการปรับปรุงระบบจีพีเอสและระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ (อีทิคเก็ต) ที่เดิมครอบคลุมถึงรถร่วมบริการ แต่ที่ประชุมให้ทำเฉพาะรถ ขสมก.เฉพาะเท่าที่จำเป็น ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ประมาณ 5,000 กว่าล้านบาท เมื่อรวมกับจำนวนรถที่ลดลงสามารถลดวงเงินได้รวมกว่า 40,000 ล้านบาท นายอรรคพล กล่าวและว่า ส่วนประเด็นเรื่องอู่จอดรถที่ประชุมเห็นว่า ขสมก.ควรเป็นผู้ลงทุนในลักษณะเช่าซื้อแล้วให้เอกชนเช่าต่อ เมื่อถึงเวลาผ่อนชำระเงินหมดที่ดินก็ยังตกเป็นของ ขสมก. ในประเด็นนี้จึงให้ ขสมก.เป็นคนลงทุนเอง เนื่องจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้วางท่อก๊าซระบุว่าหากต้องวางท่อในที่ดินเอกชนจะต้องมีสัญญาตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปไม่ใช่ 10 ปี ไม่เช่นนั้นจะไม่คุ้มทุน ส่วนประเด็นราคาที่ดิน ซึ่ง ขสมก.เสนอมาเดิมอยู่ที่ 5,920 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงเกินไป ทางคณะกรรมการได้ศึกษาแล้วพบว่าราคาที่เหมาะสมอยู่ที่ 4,800 ล้านบาท เรื่องนี้ทาง ขสมก.จะต้องกลับไปคิดทบทวนด้วย
การเปิดประมูลนั้นจะต้องทำแบบอีอ๊อคชั่น ซึ่ง ขสมก.จะต้องดำเนินการให้มีความโปร่งใส ขณะเดียวกันในเรื่องของสัญญาต้องดูให้รัดกุม ไม่ผูกมัดตัวเอง และสามารถยืดหยุ่นได้คือสามารถทบทวนสัญญาได้เป็นระยะ อย่างน้อย 3 ปีครั้ง โดยดูความจำเป็นของการใช้เป็นหลัก และจะนำข้อเสนอเข้าสู่ ครม.ได้อย่างเร็วที่สุดในวันที่ 2 ก.ย. 2551 ส่วน ครม.จะเลือกตามข้อเสนอของกระทรวงคมนาคมหรือคณะกรรมการก็เป็นอีกเรื่อง นายอรรคพล กล่าว
ด้านนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม กล่าวว่า มติที่ประชุมครั้งนี้เป็นเพียงความเห็นหนึ่งที่จะเสนอประกอบการพิจารณาของที่ประชุมครม. ซึ่งจะเป็นผู้ชี้ขาดอีกครั้ง เพราะในหลักการ ทุกคนเห็นว่า จำนวนรถที่เหมาะสมคือ 6,000 คัน เพื่อให้ครอบคลุมทั้ง 145 เส้นทาง และวิธีการเช่าทุกคนเห็นด้วย แต่มีข้อเสนอว่า ระยะแรกให้จัดหารถเช่าจำนวน 4,000 คัน ซึ่งจะให้บริการเส้นทางสายในหรือในเมือง และใช้รถที่มีอยู่ของ ขสมก.ประมาณ 2,000 คัน นำมาปรับปรุงติดตั้งระบบอีทิคเก็ต ให้บริการเส้นทางชานเมืองแทน ส่วนในอนาคตมีความจำเป็นต้องจัดหารถใหม่ทดแทนรถเก่าก็จะพิจารณาเพิ่มเติม
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสศช. กล่าวว่า จะสรุปผลการประชุมและส่งเรื่องให้พล.ต.สนั่น ได้ภายในวันจันทร์ที่ 25 ส.ค.นี้ ส่วนเรื่องค่าการจัดการ ปรับปรุงรถ ขสมก. จำนวน 1,700 คัน คาดว่าจะใช้เงินไม่มาก เพราะทาง ขสมก. แจ้งว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาประมาณ 1,800 บาทต่อคัน และเมื่อนำมารวมค่าจัดทำระบบอีทิคเก็ตอีกประมาณ 1,000 บาทต่อคัน ซึ่งรถ ขสมก.ส่วนนี้จะวิ่งเฉพาะเส้นทางที่จราจรไม่ติดขัด เพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน ส่วนค่าเช่ารถต่อคันต่อวันนั้นขึ้นอยู่กับผู้ประมูลจะเสนอราคาเท่าเดิมที่ 5,100 บาทต่อคันต่อวันหรือ ต่ำกว่า ส่วนการเพิ่มจำนวนรถในอนาคต ทาง ขสมก.ต้องไปทำแผนบริหารความเสี่ยงมานำเสนอก่อน. |