ธปท.ฟันธงเศรษฐกิจไทยทรุดยาวถึงปีหน้า พิษน้ำมัน-การเมือง แต่ไม่เลวร้ายเหมือนปี 40 หอการค้าไทยเชื่อจีดีพียังโต 5.5-6% "สุวิทย์" ชี้การแก้ปัญหาต้องมีเอกภาพ
ยุติความสับสน สภาพัฒน์ระบุเม็ดเงินลงทุนภาครัฐไม่พอกระตุ้นเศรษฐกิจ หุ้นร่วง 2 จุด ต่างชาติยังขายต่อ
นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะขยายตัวในอัตราชะลอลอจากครึ่งปีแรก และต่อเนื่องไปถึงปีหน้า เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาการเร่งตัวราคาน้ำมัน อัตราเงินเฟ้อ ปัญหาการเมือง ซึ่งกระทบต่อความมั่นใจอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับยังได้แรงกดดันจากการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกจากปัญหาในสหรัฐ
ขณะที่เศรษฐกิจไตรมาส 2 น่าจะต่ำกว่าไตรมาสแรกที่ขยายตัว 6% แต่เฉลี่ยครึ่งปีแรกยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีท่ามกลางราคาน้ำมันแพง เงินเฟ้อสูง ความไม่เสถียรภาพการเมือง และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ธปท.จะมีการรายงานตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจปีนี้และปีหน้าในวันที่ 28 ก.ค.นี้
"เศรษฐกิจไทยพิสูจน์ความแข็งแกร่งมาแล้วในช่วง 3 ปีหลัง ตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งขยายตัวได้สูงกว่า 4% ทุกปี ดังนั้นการจะซ้ำรอยวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ห่างไกลมาก โอกาสที่จะเห็นแทบไม่มี" นางอัจนากล่าว
นางอัจนากล่าวว่า ธปท.มีนโยบายดูแลเงินเฟ้อและการขยายตัวทางเศรษฐกิจควบคู่กันไป แต่หากจะต้องเลือก ก็ต้องเลือกดูแลเสถียรภาพของเศรษฐกิจมากกว่า เพราะหากเศรษฐกิจไม่มีเสถียรภาพ จะเกิดปัญหาต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้
นางยาใจ ชูวิชา ประธานคณะจัดทำการสำรวจความคิดเห็นประเด็นธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็นจากผู้ประกอบการต่อ 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นด้วย โดยทุกมาตรการมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 7.95-8.23 จากเต็ม 10 คะแนน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า หลังจากมีการสำรวจหลายครั้ง ล่าสุดผู้ประกอบการเริ่มส่งสัญญาณการปรับตัวที่ดีขึ้นทำ ให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ระดับ 5.5-6% ยังคงมีความเป็นไปได้อยู่ หากราคาน้ำมันอยู่ในระดับ 120-140 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยหอการค้าไทยจะมีการปรับประมาณการณ์อัตราขยายตัวด้านเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 ส.ค.นี้
นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวในงานสัมมนา "มุมคิด...แก้วิกฤติเศรษฐกิจ (ปัญหาที่รุมเร้า)" ว่า ปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจไทย คือ ปัจจัยการเมืองรวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากราคาน้ำมัน เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และซับไพรม์สหรัฐ ซึ่งการแก้ปัญหาต้องมีเอกภาพ เพื่อไม่ให้นักลงทุนสับสน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) กล่าวว่า จุดอ่อนของการพัฒนาเศรษฐกิจไทย คือ งบประมาณที่มีอยู่น้อย ซึ่งเป็นปัญหาระยะยาวที่ต้องปรับการใช้จ่าย โดยปีนี้มีงบประมาณลงทุนเพียง 15-20% จากเดิมมีถึง 40%
หุ้นไทยวันที่ 24 ก.ค. ปิด 691.48 จุด ลดลง 2.66 จุด มูลค่าซื้อขาย 14,765.32 ล้านบาท ต่างชาติขาย 421.94 ล้านบาท สถาบันขาย 201.17 ล้านบาท รายย่อยซื้อ 623.11 ล้านบาท
หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ 25 กรกฎาคม 2551
Link http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=25/Jul/2551&news_id=161529&cat_id=600